ทายนิสัยจากสุนัข
วิธีเลือกอาหารสุนัข
การทำคลอดสุนัข
การให้ยากับสุนัข
การให้วัคซีนสุนัข
โรคและการดูแลรักษา
การเลือกสุนัข
สิ่งที่ต้องคำนึง
เมื่อคุณตัดสินใจที่จะเลี้ยงสุนัข สิ่งที่คุณจะต้องคำนึงคือ
1. อายุเท่าไหร่ ควรจะเป็นสุนัขที่หย่านมแล้ว อายุประมาณ 6 สัปดาห์ เพราะสุนัขจะโตพอที่จะปรับตัวเข้า กับอาหาร การเลี้ยงดู การปกป้องดูแล ตลอดจนความต้องการ ต่างๆ ที่จะสานความสัมพันธ์ของคุณกับ สุนัข ถ้าคุณมีเด็กเล็กในบ้าน สำคัญมาก ที่จะต้องให้ลูกสุนัขคุ้นกับเด็ก เพราะว่า เด็กกับสุนัขจะต้องมีความ สัมพันธ์กันไป อีกนาน ถ้าเป็นไปได้ไม่ควรจะเลี้ยงสุนัข จนกว่าจะมีครอบครัว ความพร้อมต่างๆ ที่สมบูรณ์ก่อน เพราะสุนัขบางตัวจะอิจฉา เด็ก หรือเข้ากันไม่ได้ ข้อเสียในการที่จะซื้อลูกสุนัขที่อายุน้อยก็คือ การฝึกขับถ่ายให้เป็นที่ ซึ่งมักจะใช้เวลานาน และค่อนข้างยุ่งยาก นอกจากนี้ยังมีปัญหาการ กัดแทะสิ่งของ เฟอร์นิเจอร์ในช่วงอายุ 2-3 เดือนแรกเพราะมีการเปลี่ยนชุดฟัน ทางหนึ่ง ที่จะแก้ปัญหาน่ารำคาญเหล่านี้ ก็คือ เลือกซื้อสุนัขที่โตพอสมควร แต่ว่าก็อาจจะมีปัญหา อย่างอื่นเกิดขึ้นได้ เพราะสุนัขอาจมีพฤติกรรม แปลก ๆ ที่เข้ากับเจ้าของใหม่ไม่ได้ ต้องคอย ให้ความรัก การดูแลเอาใจใส่กับมัน ซึ่งไม่ว่า จะเป็นลูกสุนัขหรือสุนัขโต คุณก็จะสามารถ พิชิตใจของเจ้าสุนัขเหล่านี้ได้แน่นอน
2. เพศ ควรดูความต้องการว่าเราพร้อมจะเลี้ยงสุนัขเพศไหน ถ้าจะใช้เป็นแม่พันธุ์ก็เลี้ยงสุนัขเพศเมีย โดยหาตัวผู้ จากครอกอื่นไม่ควรเอาครอกเดียวกัน หรือมีความ สัมพันธ์เป็นพี่น้องหรือญาติกัน แต่ถ้าไม่อยากให้มี ปัญหาการผสมข้ามพันธุ์ก็ควรเลี้ยงเพศเมียอย่างเดียว แล้วค่อยหาพ่อพันธุ์ทีหลังก็ได้ หรือในบางคนอยาก เลี้ยงสุนัขแต่ไม่อยากได้ลูก ก็ควรเลี้ยงสุนัขเพศผู้ แต่จะมีปัญหาในช่วงสุนัขติดสัด อาจจะออกจาก บ้านไปกัดกันแย่งตัวเมียกับตัวอื่น ทำให้เกิดบาด เจ็บได้ อาจแก้ปัญหาโดยการทำหมันเสีย
3. พันธุ์ สุนัขมีหลายขนาด รูปร่าง และสี ซึ่งลักษณะที่แตกต่างกัน เหล่านี้ เราจะจัดแบ่งเป็นพันธุ์ต่างๆ โดยที่มีการพัฒนา ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงมาหลายชั่วอายุ เพื่อจุดประสงค์ต่าง ๆ อาทิเช่น สำหรับการกีฬา สุนัขใช้งาน สุนัขเฝ้ายาม สุนัขเลี้ยง แกะ ซึ่งในแต่ละพันธุ์ก็จะมีการแบ่งแยกไปตามลักษณะต่าง ๆ ดังนั้นถ้าเราจะนำสุนัขมาเลี้ยง ควรคิดให้ดีว่าเราอยากได้สุนัข พันธุ์อะไร จุดประสงค์ในการเลี้ยงเป็นอย่างไร เอามาเฝ้าบ้าน เลี้ยงไว้ดูเล่น ไว้เป็นแม่พันธุ์ หรือไว้เป็นเพื่อน อย่าเลี้ยงเพราะ เห่อตามเพื่อน เพราะคุณจะไม่มีความอดทนเอาใจใส่ในการ เลี้ยงพอ เมื่อเบื่อแล้วก็ทิ้งขว้างหรือไม่สนใจ ถ้าเช่นนั้นอย่าเลี้ยงดีกว่า
4. ขนาด ดูความต้องการและความเป็นไปได้ของสถานที่ที่จะเลี้ยง ควรจะสัมพันธ์กัน เช่น ถ้ามีบริเวณบ้าน กว้างก็เลือกเลี้ยงได้ ทั้งสุนัขที่มีขนาดใหญ่ กลาง เล็ก แต่ถ้าบ้านแคบก็ควรเลี้ยง แต่สุนัขขนาดเล็ก หรือกลาง เพราะสุนัขขนาดเล็กนั้นกินน้อย ถ่ายก็น้อย ทำความสะอาดง่ายกว่าและพื้นที่ไม่มากก็พอเพียง กับการออก กำลังกาย แต่มักจะก่อให้เกิดปัญหาการถ่ายในบ้านได้ ถ้าเจ้าของไม่ฝึกให้ขับถ่ายเป็นที่
5. ลักษณะนิสัย ในสุนัขบางพันธุ์ถูกพัฒนาให้มีความดุ เพื่อการล่าหรือใช้เฝ้ายาม จึงจำเป็นที่เราจะต้อง เข้าใจนิสัยของสุนัขที่จะนำมาเลี้ยงเสียก่อน สุนัขส่วนใหญ่ไม่กัดเจ้าของ แต่ก็เป็นความรับผิดชอบของ เจ้าของ เช่นกันที่จะต้องไม่ให้สุนัขไปกัดแขกที่มาเยี่ยมเยือน หรือคนที่เดิน ผ่านหน้าบ้าน
6. ขน ปัญหาของสุนัขขนยาวคือ เมื่อมีเห็บหมัดจะสังเกตได้ยาก เห็บ หมัด อาจนำมาซึ่งโรคพยาธิเม็ดเลือด ได้และก่อให้เกิดปัญหา โรคผิวหนัง ซึ่งมักเกิดจากการแพ้น้ำลายหมัด เมื่อเกิดปัญหาขึ้น เจ้าของบางราย จะจับสุนัขกร้อนขนทิ้งเสีย ทำให้สุนัขดูไม่สวย เสียลักษณะ
นอกจากนี้สุนัขขนยาวยังต้องให้ความเอาใจใส่ดูแล ตัดแต่งขน การทำความสะอาดจะยุ่งยากกว่าสุนัขขนสั้น รอบก้น ควรจะตัดขนออก เพื่อมิให้เกิดปัญหาการถ่ายไม่ออก เนื่องจากมี เศษอุจจาระติดขนอุดตันรูทวาร หนักอยู่ ส่วนขนหูก็มักจะยาว ต้องคอยถอนออก เพื่อมิให้เกิดหูน้ำหนวก หรือไรในหูได้
7.สี โดยมากสุนัขที่มีขนสีอ่อนมักจะมีสุขภาพผิวหนังอ่อนแอกว่า สุนัขขนสีเข้ม โดยเฉพาะในหน้าร้อน มักจะเป็นโรค Hot Spot หรือผิวหนังอักเสบ

ขั้นตอนการเลือก
เมื่อคิดได้แล้วว่าต้องการสุนัขแบบไหน ขั้นตอนต่อไปคือ หาสุนัขที่ถูกต้องตามลักษณะที่ต้องการ และสุขภาพดี
1. ตรวจประวัติของตัวแม่ว่า ได้รับวัคซีน การถ่ายพยาธิ และอาหารดีหรือไม่ แม่พันธุ์บางตัวจะได้รับการฉีด วัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และถ่ายพยาธิก่อนผสม เพื่อให้ภูมิคุ้มกันถ่ายทอด ไปที่ลูกมากขึ้น และมีการ เสริมแคลเซียมและวิตามิน ในช่วงขณะตั้งท้อง
2. ตรวจดูว่าตัวแม่ให้ลูกกี่ตัว เพื่อที่จะคาดเดาได้ว่า ต่อไปสุนัขจะมีลูกครอกละกี่ตัว แม่สุนัขที่ดีควรจะ มีลูกเพียง ปีละครอก เพราะถ้ามีลูกถี่เกินไป อาจทำ ให้ได้ลูกที่ไม่ค่อยสมบูรณ์ และสุขภาพของแม่จะโทรมเร็ว
3. ดูประวัติการได้รับวัคซีน การถ่ายพยาธิ และอาหารของตัวลูกก่อนที่จะซื้อมา เลือกตัวที่ดูแข็งแรงที่สุด ขนเป็นมัน ตาสดใส มีร่องรอยของการท้องเสีย หรือไม่ มีน้ำมูก หรือขี้ตา และถ้าจะ เลี้ยงเพื่อประกวด ควรเลือกตัวที่ดูเชื่อง ว่าง่าย มีลักษณะที่ถูกต้องตามพันธุ์ อย่าเลือกตัวที่ชอบนอน เลือกตัวที่มี เนื้อแน่น น้ำหนักดี
4. ตรวจดูความผิดปกติอื่น ๆ เช่น เพดานโหว่ ฟันยื่น หรือไม่สบกัน ฟันเก ซึ่งมักพบในพันธุ์ที่มีจมูกสั้น เช่น Boxer Maltese Peking มีปัญหาไส้เลื่อนหรือไม่ นิ้วเท้าขา หลังไม่ควรมีนิ้วติ่ง เหงือกเป็นสีชมพู ไม่ซีด เปิดหูดมว่ามีกลิ่นหรือไม่ บางตัวจะมีไรในหูที่ติดมาจากแม่ ไรในหูทำให้เกิดกลิ่นเหม็น คัน หูอักเสบ ควรจะให้สัตวแพทย์ตรวจรักษา
5. ในวันแรก ๆ ที่ซื้อมา ควรจัดให้ สุนัขนอนในที่อยู่ที่มีการเตรียม เอาผ้าหรือวัสดุที่มันคุ้นเคย เพื่อ ให้สุนัขคุ้นเคยกับการเปลี่ยน สถานที่ ไม่เกิดความเครียด