|
ความผิดปกติทีมักจะพบได้บ่อยสุนัข
|
1. ปวดท้อง สุนัขแสดงอาการยืนโก่งตัวชัน
หลังงอ ไม่ค่อยเดิน เวลาไปแตะท้องจะสะดุ้ง สาเหตุนั้นมีมากมาย
การรักษาก็ขึ้นอยู่กับสาเหตุ ควรจะปรึกษาสัตวแพทย์ เพราะบางครั้งอาจรุนแรงจนกระทั่งถึงตายได้
เช่น สำไส้บิด ซึ่งถ้าเกิดจากสาเหตุนี้ สุนัขจะปวดมาก และนอนกลิ้ง
และอาเจียนอยู่ตลอด
2. การแท้ง พบได้ไม่บ่อยนัก สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการได้รับบาดเจ็บหรือมีการติดเชื้อ
บางครั้งอาจมีปัญหาฮอร์โนไม่เพียงพอ วิธีแก้ไขคือ การตัดมดลูกทิ้ง
(การทำหมัน)
3. รอยฟกช้ำ ถ้าเป็นรอยฟกช้ำที่ไม่มีบาดแผล ก็สามารถรักษาเองได้ที่บ้าน
โดยการลอกเอาสะเก็ดแผลเนื้อตายออก แล้วล้างแผลให้สะอาด ฆ่าเชื้อด้วยไฮโดรเย็นเปอร์ออกไซด์ผสมกับน้ำเท่าตัว
หลังจากนั้นใส่ยา สมานแผล เช่น ยาม่วง ทำแผลวันละ 2 ครั้ง ถ้าเป็นไปได้ควรโกนขนรอบปากแผลห่างประมาณ
1 ซม. บาดแผลเหล่านี้ควรเปิดโล่งไม่ควรพันแผลไว้ ถ้าสุนัขเลียแผนก็ไม่ต้องกังวลมาก
4. ฝี มักจะมีอาการปวด ร้อน และบวมบริเวณที่มีการติดเชื้อ สามารถเกิดได้ทุกส่วนของร่างกาย
เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งอาจจะเกิดจากบาดแผลติดเชื้อหรือรอยเขี้ยวของสุนัข
หรือรอยข่วน ตะปูทิ่ม หนามตำ เป็นต้น นอกจากนี้สุนัขที่เป็นฝีมักจะมีไข้สูง
วิธีแก้ไข ควรจะรอให้ฝีสุกก่อนโดยใช้ทิงเจอร์ไอโอดีนเคลื่อนรอบ
ๆ ฝี เมื่อฝีสุกก็จะแตกเอง หรืออาจจะนำมาให้สัตวแพทย์ทำการเจาะฝีเพื่อดูดเอาหนองออก
แล้วทำความสะอาดด้วยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ วันละ 3 ครั้งเป็นเวลา
3 วันติดกัน ถ้าแผลเริ่มติดกัน อาจจำเป็นต้องขยายแผลเพื่อล้างหนออกให้หมดจะได้ไม่เกิดขึ้นอีก
ถ้าเป็นฝีแค่ที่เดียวและมีขนาดเล็ก การให้ยาปฏิชีวินะอาจไม่จำเป็น
เว้นเสยแต่เป็นหลายที่ สัตวแพทย์จะแนะนำและรักษา ก่อนจะรักษาต้องมั่นใจว่าเป็นฝี
มิใช่อวัยวะที่ยื่นออกมา ไส้เลื่อนหรือภาวะเลือดคั่ง |
5. ภาวะการแพ้ แบ่งออกเป็น
2 กรณี คือ
5.1 ภาวะที่เกิดการช็อคและลมพิษ
ท Anaphylactic Shock คือ ภาวะที่เกิดการแพ้อย่างรุนแรง อาจถึงตายเนื่องจากเกิดภาวะระบบทาเกินหายใจและการไหลเวียนโลหิตล้มเหลว
สาเหตุเกิดจากการที่มนุษย์เข้าไปกวน ถึงแม้ว่าภาวะนี้อาจจะเกิดจากโดนพิษของสัตว์บางชนิด
เช่น ผึ้ง, ตัวต่อ ภาวะช็อคนี้จะไปมีผลกับสารคือภูมิแพ้ในร่างกาย
(Histamine)
ลักษณะอาการ : คือ เหนื่อยหอบ ท้องเสีย, อาเจียน, ชัก ต่อมาจะเริ่มสลบและตายในที่สุด
สิ่งที่สามารถทำให้เกิดภาวะช็อคนี้ได้แก่ ยาเพนนิซิลิน หรือยาปฏิชีวนะกลุ่มอื่น
ๆ วัคซีน ยาซึม วิตามิน แม้กระทั่งแพ้อาหารบางชนิด
การรักษา : โดยการฉีดยาแก้แพ้เข้าเส้นโลหิตดำ ดังนั้นต้องนำสุนัขส่งสัตวแพทย์โดยด่วน
ระหว่านำส่งควรจะต้องทำให้สุนัขหายใจได้สะดวก โดยการยืดคอสุนัขแล้วดึงลิ้นออกมากันการกัดลิ้น
โดยมากพิษของพวกผึ้งหรือต่อแตนไม่ทำให้ถึงตาย
ท Urticaria ลักษณะที่พบคือการบวมตามเยื่อบุอ่อนบริเวณหัวและตามตัว
มักจะพบบริเวณ ตา, ปาก และใบหู และมักจะมีขี้ตา สุนัขจะชอบเอาเท้าเกาหรือถูบริเวณปากและตา
หรือไม่ก็กลิ้งไปบนพื้น ภาวะผื่นลมพิษนี้มักจะเกิดหลังจากไดรับสารก่อเกิดภูมิแพ้
15-20 นาที ภาวะนี้ไม่รุนแรงทำให้ถึงตาย โดยมากจะเกิดจากการแพ้อาหารหรือกินอาหารเป็นพิษ
แมลงกัดหรือโดนสารเคมี ซึ่งแพ้พิษแมลงจะเป็นไปได้มากกว่า ถึงแม้ว่าภาวะนี้จะไม่รุนแรง
แต่ถ้าสุนัขคันและเกามาก ๆ ก็อาจจะเป็นแผลร้ายแรงขึ้นมาได้ จึงต้องรีบนำส่งสัตวแพทย์ทันที
ถ้าเป็นไปได้ นำสิ่งที่คิดว่าสุนัขแพ้ไปด้วย
5.2 ภาวะที่กินอาหารในพวกเนื้อ (แพ้เนื้อสัตว์)
6. โลหิตจาง สาเหตุอาจเกิดจากเสียเลือดหรือมีพยาธิมาก เช่น พยาธิปากขอในลูกสุนัข
นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากภาวะโรค, ปาราสิต หรือภาวะขาดอาหาร ถ้าเกิดจากเสียเลือด
ต้องรีบห้ามเลือดให้เร็วที่สุด แต่ถ้าเกิดจากภาวะติดเชื้อ ต้องรักษาการติดเชื้อก่อน
(การเสริมธาตุเหล็กและวิตามินบีลงในอาหารจะสามารถช่วยได้) ภาวะมีปาราสิตก็แก้โดยการถ่ายพยาธิ
ถ้าเป็นภาวะขาดสารอาหารเช่น เหล็ก, โคบอลท์หรือวิตามินบี 12 การให้กินตับหรือสาสกัดจากตับจะช่วยได้
7. เนื้องอกที่รอบทวารหนัก (Anal adenoma) มักจะเกิดในสุนัขที่อายุมาก
โดยมากมักจะเกิดจากการเลีย วิธีแก้ไขต้องทำการผ่าตัดเอาออก หรือใช้จี้ด้วยความเย็นหรืออาจใช้ฮอร์โมนช่วยระงับการเจริญเติบโตของเนื้องอก
8. คันบริเวณทวารหนัก (Irritation) การรักษาขึ้นกับสาเหตุ อาจเกิดจากพยาธิ
หรือต่อมลูกหมากโต ต่อมข้างก้นอักเสบ หรือ anal fissure ท้องเสียหรือสิ่งแปลกปลอมเช่น
กระดูก
9. ทวารหนักห้อยยานออกมาข้างนอก (Anal prolapse) มักพบได้ในลูกสุนัข
มักเกิดจากการถ่ายบ่อย ๆ หรือเกิดมีพยาธิไส้เดือนจำนวนมาก หรือท้องผูก
หรือการให้กินมากเกินไป ลูกสุนัขมักจะเลียทวารหนักที่ทะลักออกมา
วิธีแก้ไขโดยนำไปให้สัตวแพทย์ทำการยัดกลับแล้วเย็บปิดช่องนี้
10. All meat syndrome (Nutritional secondary hyper parathyroidism
N.S.H.) โรคนี้มักเกิดจากการให้อาหารประเภทเนื้อมากเกินไป (มักพบได้บ่อยในลูกสุนัขพันธุ์ใหญ่)
ทำให้ได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ ทำให้เสียสมดุลย์ของแคลเซียมและฟอสฟอรัส
ในเนื้อสัดส่วน Ca:P = 1:20 ซึ่งสัดส่วนที่ต้องการคือมักพบบ่อยที่ขาหลังและกระดูกเชิงกราน
แล้วมักมีผลให้กระดูกเชิงกรานแคบ ซึ่งจะมีปัญหาเรื่องท้องผูกและการคลอด
บางครั้งกระดูดสันหลังก็อาจจะผิดปกติได้ ทำให้ระบบประสาทถูกขัดขวาง
การรักษาคือเสริมปริมาณแคลเซียมในอาหารในปริมาณที่เพิ่มขึ้นกว่าปกติ
โรคนี้สามารถป้องกันได้โดยการให้อาหารสำเร็จรูปหรืออาหารที่มีสมดุลย์ของแคลเซียม
และฟอสฟอรัส ให้สุนัขตั้งแต่ยังเล็ก
11. Avascular neerosis of the hip มักพบได้ในพันธุ์ Yorkshire,
Highland, Cairn and Jack Russell Terriers, Miniature Poodles,
Chihuahaus and Shihtzu โรคนี้จะทำให้เดินขากะเผลกในสุนัขช่วงอายุ
4-9 เดือน ซึ่งอาจเกิดข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง ข้อสะโพกจะเจ็บปวดมาก
แล้วกล้ามเนื้อมักจะลีบ การผ่าตัดจะให้ผลเร็วกว่าการรักษาทางยา
12. Hip dysplasia โรคนี้ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ซึ่งข้อสะโพกนั้นจะไม่พอดีกันกับหัวกระดูก
เกิดการเสียดสี เป็นเหตุให้เกิดภาวะข้ออักเสบ สามารถตรวจได้โดยการเอ็กซเรย์
โรคนี้สามารถเกิดได้ในลูกสุนัขที่มีพ่อแม่หรือปู่ย่าที่ไม่เป็น
เพราะภาวะนี้สามารถพัฒนาขึ้นได้ มักพบในสุนัขพันธุ์ใหญ่ เช่น Dolden,
Labradors, Retriever, Boxers, German Shephereis, German Short-Naited
Painter, Dobermans Great Danes and St. Bernards อาจหาได้ในพันธุ์
Greyhound แต่น้อยมาก อย่างไรก็ตามการคัดเลือกสายพันธุ์ที่ไม่เป็น
จะช่วยลดโอกาสการเกิดโรคนี้ได้ อาการลุกจากท่านั่งยาก มักจะก้าวไปมา
2-3 ก้าว เพื่อ warm ข้อสะโพก่อนที่จะเดินปกติ ในที่สุดจะไม่ยอมเดินเมื่ออายุได้
6-7 เดือนหรือมากกว่านั้น การเอ๊กซเรย์จะยังบอกไม่ได้ว่าสุนัขไม่เป็นโรคนี้จนกว่าจะอายุได้
12 เดือน การรักษาโดยวิธีการศัลยกรรมซึ่งมีทั้งการตัดกล้ามเนื้อ
หรือการตัดหัวกระดูกแต่ถ้าจะบรรเทาอาการเจ็บปวด อาจให้ยาแก้อักเสบและลดปวด
การป้องกันที่ดีที่สุดคือไม่ให้สุนัขที่เป็นโรคนี้ผสมพันธุ์ หรือเป็นพ่อแม่ |
|